พักผ่อนวันหยุดวันนี้ พักจากเขียนเนื้อหาเรื่องวีซ่ามาคุยกันเรื่องเตรียมตัวซื้อบ้านในอเมริกานะคะ
พูดถึงเรื่องมีบ้าน มีบ้านแล้วดียังไง ทำไมถึงน่าจะมีบ้านเป็นของตัวเอง จากที่หาข้อมูลมาจากหลายๆแหล่งคำแนะนำ ให้ความเห็นกันว่า ถ้ามีบ้านของตัวเอง เราอยากทำอะไรก็ได้ ติดรูปข้างฝานัง ติดม่าน ตกแต่ง ปลูกต้นไม้ ทาสีฝาผนังใหม่ ไม่ต้องกังวลว่ามันไม่ใช่ทรัพย์สินของเรา อยากเลี้ยงหมา ก็ไม่ต้องกังวลจะทำพรมบ้านเช่าเลอะ ทางบ้านเช่าบางที่อาจไม่อนุญาตให้เลี้ยงเลย บางคนบอกว่าซื้อบ้านผ่อนธนาคาร จ่ายรายเดือนถุกกว่าค่าเช่าแต่ละเดือนอีกนะ ได้บ้านมาด้วย หรืออาจจ่ายมากกว่าหน่อย แต่สุดท้ายก็มีบ้านเป็นทรัพท์สินแทนเงินที่เสียไป ถ้าเช่าก็จ่ายไปเรื่อยๆ ไม่ได้อะไร ดอกเบี้ยผ่อนบ้านเอามาลดหย่อนภาษีประจำปีได้ด้วย ในอนาคตอาจขายได้กำไรดีกว่าตอนซื้อด้วย ถือเป็นการลงทุนทางหนึ่ง
แต่ ก็ใช่ว่าทุกควรควรมีบ้านเป็นของตัวเองกันเถอะ ถ้ามันง่ายและดีไปทุกอย่างก็คงซื้อบ้านกันทุกคน ธุรกิจบ้านเช่าคงไม่มีใครใช้บริการ ทุกคนคงมีบ้านเป็นของตัวเองกันหมด ถ้าคิดอยากมีบ้านเป็นของตัวเองต้องดูด้วยว่า เราจะรับภาระที่ตามมาได้หรือไม่ ถ้ามีบ้านจะมีภาระอะไรเพิ่มขึ้นบ้าง
มีบ้านเป็นของตัวเอง ดอกเบี้ยที่ผ่อนส่งธนาคารเอาไปลดหย่อนภาษีประจำปีได้ก็จริง แต่ก็มีภาระรายจ่ายเพิ่มขึ้น คือต้องมีรายจ่าย ภาษีบ้านประจำปี ค่าประกันบ้าน ค่าบำรุงรักษาทั่วไป อะไรเสียหายก็โทรไปบอกเจ้าของบ้าน หรือเจ้าของอพาตเมนท์เหมือนตอนเช่าอยู่ไม่ได้แล้ว มีอะไรต้องซ่อม ต้องหาช่างเอง จ่ายเอง
ค่า HOA หรือสาธารณูประโภคส่วนกลางประจำเดือน ต้องจ่ายไปตลอดจนกว่าจะขายบ้านหรือหมดอายุขัยเราตราบใดที่ยังอยู่บ้านนั้น และ ค่าธรรมเนียมนี้อาจเพิ่มขึ้นในอนาคตในย่านเมืองใหญ่ๆ ทำเลดีๆ
สำหรับครอบครองคอนโด ค่า HOA ประมาณร้อยกว่า สองร้อย ต้องจ่ายทุกเดือน นอกเหนือจากค่าผ่อนบ้าน ในขณะที่เช่าอพาตเม้นท์ อาจไม่ต้องเสียส่วนนี้ หรือเสียน้อยกว่า ถ้าเช่าอพาตเม้นท์บางที่อาจรวมในค่าเช่าแล้วเป็นค่า เคเบิ้ลทีวี ขยะ ด้วยเลย ถ้ามีบ้านเป็นของตัวเอง นอกจากค่าเช่าแล้วยังมีค่าบิลต่างๆเหล่านี้ตามมาที่เราควรคำนึงถึง
สิ่งสำคัญเมื่อคิดจะซื้อบ้าน นอกจากมีเงินพอส่งธนาคารได้แล้ว คือ รับภาระ ทั้ง ผ่อนรายเดือนและภาระ ต่างๆ เหล่านี้ได้หรือไม่ ถ้าเปลี่ยนใจ อยากกลับไปเช่าอยู่ อาจไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว ถ้าต้องการขายก็ใช่ว่าจะขายได้กำไรทุกคน บ้านบางหลังก็ขายต่ำกว่าทุนมาก การลงทุนทุกอย่างมีทั้งขาดทุน และอาจได้ทำไร การซื้อบ้านก็เป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง ที่มีการเสี่ยง และเป็นการลงทุนระยะยาวมาก คงต้องดูว่าเราพร้อมที่จะจ่ายเงินลงทุนระยะยาว ไปเรื่อยๆหรือไม่
ถ้าคิดหวังกำไรในอนาคตบ้านควรอยู่ในทำเลที่ดี ทำเลที่ดีก็แสดงว่าราคาต้องแพง เรามีเงินพอที่จะลงทุนระยะยาวหรือเปล่า
การเงินเรามั่นคงขนาดไหน คาดว่าจะมั่นคงไปจนถึงสามสิบปีข้างหน้าตามระยะเวลาที่ต้องส่งค่าบ้านหรือไม่ และมีเงินเหลือสำรอง สำหรับเรื่องจำเป็นอื่นๆ ในอนาคตหรือไม่
บางคนอาจมีความสุขกับการเช่าบ้านอยู่ก็อาจเช่าอยู่ต่อไป ไม่จำเป็นต้องมีบ้านเป็นของตัวเองก็มีความสุขได้เหมือนกัน
ความชอบและ ภาระรับผิดชอบของแต่ละคนไม่เหมือนกัน
รายได้สูง มีเงินเก็บ ไม่ได้มีภาระอะไร อาจมีความสุขกับการอยู่บ้านเช่าก็ได้
รายได้ไม่เยอะ อาจพยายามหาทางซื้อบ้านเป็นของตัวเอง มีความสุขในบ้านของตัวเอง โดยอาจต้องประหยัดหน่อยแต่แลกกับความสุขที่ได้มาก็คิดว่าคุ้มกับที่ลงทุนก็ได้
ความสุขแต่ละคนอาจไม่เหมือนกัน บางคนก็มีความสุขกับการเก็บเงินในบัญชี ชื่นชมยอดเงินที่เพิ่มขึ้น ไม่มีบ้านไม่ใช่ปัญหาเลย
ถ้ายังไม่พร้อม ก็อย่าพึ่งมี ค่อยๆ เก็บเงินไปก่อน ชื่นชมกับยอดเงินในบัญชีที่เพิ่มขึ้นทีละนิดไปก่อน
เอามาเล่าสู่กันฟังเพลินๆ จากที่ตัวเองหาข้อมูลมา
ข้อมูลอาจไม่ครอบคลุมข้อดีข้อเสียทั้งหมดเพราะไม่ได้เชี่ยวชาญ มีประสบการณ์การเตรียมตัวซื้อบ้านแค่เพียงหลังเดียวและคงเป็นหลังสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ
เครดิตสกอร์กับการซื้อบ้าน ทำไมหลายๆคนทำบัตรเครดิตเพื่อหวังไว้ใช้ประโยชน์ตอนซื้อบ้าน
พอคิดจะซื้อบ้านก็ต้องตรวจเครดิตสกอร์ เพราะเครดิตสกอร์จะมีผลต่อการขออนุมัติเงินกู้ ( ถ้าจะซื้อบ้านด้วยเงินสดไม่ต้องสนใจเครดิตสกอร์ มีเงินพร้อมซื้อ ซื้อได้เลย ) ก่อนที่จะซื้อบ้านผู้เขียนมีบัตรเครดิตที่อเมริกามาสามปี ไม่เคยตรวจเครดิตสกอร์เลย ไม่ได้สนใจกับคะแนน ตอนนั้นคิดว่ายังไม่จำเป็นต้องรู้เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้ คิดว่าถ้าบริหารการใช้บัตรเครดิตดี เครดิตสกอร์ก็น่าจะดีล่ะนะ แต่พอจะซื้อบ้านเลยอยากรู้ตัวเลขเครดิตสกอร์ของตัวเอง เลยหาข้อมูล ตรวจสอบออนไลน์จาก webที่ดูแล้วน่าจะไม่ใช่ scam ฟรี คือ ฟรี
ในนั้นจะบอกด้วยว่าอะไรบ้างที่มีผลต่อเครดิตสกอร์
- ใช้จ่ายแต่ละยอดเดือนไม่ควรเกิน 30%ของยอดวงเงินบัตรเครดิต
- การมีบัตรเครดิตจากหลายประเภท หลายสถาบัน จะช่วยให้เครดิตสกอร์เราดีเพราะแสดงว่าสถาบันการเงินไว้ใจหลายที่ (ในที่นี่ไม่ได้หมายถึงการมีบัตรเครดิตหลายใบจากหลากหลายธนาคาร แต่หมายถึงประเภทของที่มาของบริษัทเงินกู้ เช่น บัตรเครดิตจากสถาบันการเงินทั่วไป เครดิตจากการซื้อรถแบบผ่อนส่ง ) แต่ก็ใช่ว่ามีเครดิตเยอะแล้วดี มีเยอะๆ ไปเถอะ สมัครไปให้หมดทุกอย่างเลย ถ้ามีบัตรเครดิตหรือมีประวัติจากหลากหลายที่มากเกินก็ใช่ว่าจะดีอย่างเดียว ทุกอย่างมีข้อดีข้อเสีย มีแต่พอดีเหมาะสมกับสถานการณ์ชีวิตและการเงินของเรา
- ถ้ามีบัตรเครดิตใช้แล้วจ่ายตามเวลาทุกครั้งเครดิตสกอร์จะดี ถ้าจ่ายเต็มไม่ได้ อย่างน้อยควรจ่ายขั้นต่ำ ภายในเวลากำหนดทุกรอบ
- ถ้าเครดิตสกอร์ 760ขึ้นไป ถือว่า อยู่ในกลุ่ม Excellent ดีมาก ไปขอเป็นหนี้ที่ไหนจะมีโอกาสได้รับการอนุมัติสูงกว่าเครดิตสกอร์ไม่ดี เพราะประวัติดี
- มีบัตรเครดิตสะสมไว้หลายใบแต่ไม่เคยใช้เลย ไม่ได้ช่วยเรื่องเครดิตสกอร์ เพราะไม่มีประวัติการใช้จ่ายที่จะเอามาคำนวณคะแนนเครดิต คนที่จะได้คะแนนคือคนที่มีการใช้จ่ายบัตรและบริหารดี Creditors want to see people who use their credit, but are able to manage it responsibly. https://www.creditkarma.com/article/credit-card-utilization
- รายละเอียดมีมากกว่านี้ค่ะ หาอ่านเพิ่มได้จากลิงค์ที่แนบ และ web ทั่วไปที่เราเข้าไปตรวจคะแนนเครดิต
ตัวอย่าง web ที่สามรถตรวจสอบเครดิตสกอร์ได้ฟรี ( ไม่ใช่ Fico score )
http://www.creditkarma.com
เวลาคลิกเข้าเวปถ้าเป็นคลิกจากgoogleสังเกตที่ url ที่ขึ้นด้วยนะคะ google อาจพาเข้าไปเวปอื่นใกล้ๆกันที่ต้องจ่ายเงิน ถ้าเจอwebที่ให้กรอกข้อมูลบัตรเครดิต พึงระวังไว้ว่า web นั้นจะหักเงินจากบัตรเครดิตเราเป็นค่าธรรมเนียมในการรายงานเครดิตสกอร์
เตรียมตัวซื้อบ้านในอเมริกา 2 : FICO Score ต่างจาก Credit Score อย่างไร
http://www.mygreencardus.com/are-you-ready-to-buy-a-house-2/